MT4 PC บทที่ 6: ตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน MetaTrader 4

การเปิด-ปิดออเดอร์เป็นสกิลสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมการเทรดได้อย่างแม่นยำตามแผน ซึ่งหากเทรดเดอร์สามารถจัดการออเดอร์ได้ดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรตามแผนที่วางไว้ MetaTrader 4 (MT4) เป็นแพลตฟอร์มที่ให้คุณเปิด-ปิดออเดอร์ได้หลายรูปแบบ เช่น Market Order, Pending Order, Stop Loss (SL), Take Profit (TP) และ Trailing Stop แต่ละแบบตอบโจทย์การใช้งานต่างกันออกไป บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน Meta Trader 4 เพื่อช่วยให้การเทรดของคุณเป็นไปตามแผนได้ง่ายขึ้น!

1. การเปิดออเดอร์บน MT4 ด้วยคำสั่งพื้นฐาน

MT4 มีรูปแบบออเดอร์หลัก ๆ ที่เทรดเดอร์ต้องเข้าใจเพื่อให้สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำสั่งพื้นฐานในการเปิดออเดอร์สามารถแบ่งออกเป็น Market Order และ Pending Order ซึ่งแต่ละแบบมีการใช้งานที่แตกต่างกัน

เงื่อนไขที่ต้องระบุเมื่อเปิดออเดอร์

  1. ประเภทสินค้าที่เทรด
  2. จำนวนล็อต
  3. Stop Loss/ Take Profit (เว้นว่างได้)
  4. ประเภทคำสั่งและราคาซื้อขาย ที่เลือกได้ระหว่าง Market Order และ Pending Order

Figure การเปิดออเดอร์บน MT4 ทำได้ทั้ง Market Order และ Limit Order

1) Market Order (คำสั่งซื้อขายทันทีที่ราคาตลาด)

Market Order คือคำสั่งซื้อขายที่เปิดออเดอร์ทันทีที่ราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อเทรดเดอร์กดยืนยัน คำสั่งจะถูกดำเนินการในทันที และสถานะจะเปิดที่ราคาล่าสุดของตลาด (Market Price) การส่งคำสั่งแบบนี้จะเลือกได้ระหว่าง

  • Buy by Market เป็นการเปิดสถานะซื้อ (Long) จะยืนยันที่ราคาเสนอซื้อ (Ask Price) ณ เวลานั้น
  • Sell by Market เป็นการเปิดสถานะขาย (Short) จะยืนยันที่ราคาเสนอขาย (Bid Price) ณ เวลานั้น

Market Order เหมาะสำหรับการเปิดคำสั่งซื้อขายทันที โดยไม่สนใจราคาที่จะได้

2) Pending Order (คำสั่งตั้งราคารอเปิดออเดอร์)

Pending Order เป็นคำสั่งซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อราคามาถึงระดับที่ตั้งไว้ ระบบจะเปิดออเดอร์ให้ที่ราคานั้นโดยอัตโนมัติ คำสั่งประเภทนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวางแผนการเข้าเทรดตามราคาที่ต้องการโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แบ่งออกเป็น

การวาง Buy/Sell Limit เพื่อต่อรองราคา และ Buy/Sell Stop เพื่อไล่ราคา บน MT4

2.1 Limit Order (การตั้งราคาแบบต่อรองราคา)

ใช้สำหรับวางออเดอร์ในราคาที่ดีกว่าราคาปัจจุบัน ตั้งได้ 2 แบบคือ

  • Buy Limit จะตั้งราคาเสนอซื้อ (Bid Price) ที่ราคาถูกกว่าราคาตลาด จะยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาปรับลดลงมาถึงราคาที่ตั้งไว้ และคาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้นต่อ
  • Sell Limit จะตั้งราคาเสนอขาย (Ask Price) ที่ราคาแพงกว่าราคาตลาด จะยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาปรับขึ้นไปถึงราคาที่ตั้งไว้ และคาดว่าราคาจะกลับตัวลงต่อ

Limit Order เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเปิดออเดอร์ ณ จุดที่ราคาคาดว่าจะกลับตัว

ตัวอย่างการใช้ Limit Order

  • JPY/USD ปัจจุบันราคา 149.97
  • เทรดเดอร์ต้องการซื้อที่ 149.50
  • วาง Buy Limit ที่ 149.50 ระบบจะเปิดออเดอร์เมื่อราคาลดลงมาถึงจุดนั้น

2.2 Stop Order (คำสั่งซื้อหรือขายเมื่อราคาผ่านระดับที่กำหนด)

ใช้สำหรับวางออเดอร์ในราคาที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีออเดอร์ในขณะที่ราคากำลังเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้ม (Follow Buy/ Sell) โดยตั้ง Stop Order ได้ 2 แบบ คือ

  • Buy Stop ใช้ตั้งซื้อเมื่อราคาขึ้นไปถึงระดับที่กำหนด แล้วคาดว่าราคาจะทะลุขึ้นต่อ
  • Sell Stop ตั้งขายเมื่อราคาลงไปถึงระดับที่กำหนด แล้วคาดว่าราคาจะทะลุลงต่อ

Stop Order เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการซื้อหรือขายตามแนวโน้ม และยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านระดับราคาที่กำหนด (Follow Buy/ Sell)

ตัวอย่างการใช้ Stop Order

  • JPY/USD ปัจจุบันราคา 149.97
  • เทรดเดอร์ต้องการซื้อเมื่อราคาเบรคเอาท์ที่จุด 150.00
  • วาง Buy Stop ที่ 150.00 ระบบจะเปิดออเดอร์เมื่อราคาถึงจุดนั้น

3) วิธีเปิดออเดอร์บน MT4

  1. เปิดหน้าต่าง Order โดยกด F9 หรือ คลิกขวาที่กราฟแล้วเลือก Trading > New Order
  2. เลือกประเภทคำสั่ง Market Order หรือ Pending Order
  3. หากเลือก Pending Order ต้องตั้งเงื่อนไขเพิ่มได้แก่
    1. ประเภทคำสั่ง (Buy Limit, Sell Limit, Buy Stop, Sell Stop)
    2. ราคาที่ต้องการ
  4. กำหนด ขนาดล็อต (Volume) ที่ต้องการซื้อหรือขาย
  5. ตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit ที่ต้องการ (เว้นว่างได้)
  6. การส่งคำสั่งแบบ Market Order ยืนยันคำสั่งด้วยการคลิก “Buy by Market” หรือ “Sell by Market“, การส่งคำสั่งแบบ Pending Order ยืนยันคำสั่งด้วยการคลิก Place

2. การแก้ไข Pending Order บน MT4

การแก้ไข Pending Order คือการปรับแก้เงื่อนไขกับออเดอร์ที่ตั้งรอไว้และยังไม่ถูกยืนยัน ออเดอร์ประเภทนี้จะปรับแก้ Stop Loss (SL), Take Profit (TP) หรือเปลี่ยนราคาซื้อขายให้เหมาะสมได้

การแก้ไข Pending Order บน MT4 คลิกขวาบนออเดอร์เลือก Modify or Delete Order แล้วแก้ไขค่าที่ต้องการ

1) เงื่อนไขที่แก้ไขได้กับ Pending Order

  • ราคาซื้อขาย
  • Stop Loss (SL) – เปลี่ยนระดับหยุดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
  • Take Profit (TP) – ปรับระดับกำไรเป้าหมายที่ต้องการให้ปิดออเดอร์อัตโนมัติ
  • Expired Date – วันหมดอายุของออเดอร์ที่ตั้งไว้
  • ยืนยันการแก้ไข (Modified) หรือ สั่งลบออเดอร์ (Deleted)

2) วิธีแก้ไข Pending Order

  1. เปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
  2. ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูรายการออเดอร์ที่เปิดอยู่
  3. คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการแก้ไข เลือก Modify or Delete Order
  4. เลือกรายการที่ต้องการแก้ไข เช่น ราคา, จุด Stop Loss/ Take Profit หรือ วันหมดอายุของออเดอร์
  5. กด Modify เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง
  6. กด Delete Order เพื่อยกเลิกคำสั่ง

3. การแก้ไข Executed Order บน MT4

เมื่อออเดอร์ถูกดำเนินการแล้ว (Executed Order) หรือ เป็นสถานะที่แมทช์ออเดอร์แล้ว (Open Trade) เทรดเดอร์ยังสามารถแก้ไขบางรายการ เพื่อปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงและจัดการออเดอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การแก้ไข Executed Order บน MT4 คลิกขวาบนออเดอร์ที่เปิดสถานะแล้ว เลือก Modify or Delete Order จากนั้นแก้ไขค่าที่ต้องการ

1) เงื่อนไขที่แก้ไขได้กับ Executed Order

  • Stop Loss (SL) – เปลี่ยนระดับหยุดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
  • Take Profit (TP) – ปรับระดับกำไรเป้าหมายที่ต้องการให้ปิดออเดอร์อัตโนมัติ
  • Trailing Stop – ตั้งค่าการเลื่อน SL อัตโนมัติเมื่อราคาวิ่งตามแนวทางที่ต้องการ

2) วิธีแก้ไข Executed Order

  1. เปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
  2. ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูรายการออเดอร์ที่เปิดอยู่
  3. คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการแก้ไข เลือก Modify or Delete Order
  4. ใส่ราคาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในช่อง
    • Take Profit (TP) เป้าหมายกำไรที่เป็นราคาคงที่
    • Stop Loss (SL) จุดตัดขาดทุนที่เป็นราคาคงที่ หรือ Trailing Stop ที่แปรผันตาม Market Price
  5. กด Modify เพื่อยืนยันการแก้ไข
เครื่องมือ เป้าหมาย การใช้งาน
Stop Loss (SL) จำกัดการขาดทุน ปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อราคาไม่เป็นไปตามที่คาด
Trailing Stop ล็อกกำไรอัตโนมัติ ปิดออเดอร์อัตโนมัติด้วยราคาที่เลื่อนตามราคาตลาด
Take Profit (TP) ปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร ปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อถึงเป้าหมาย

4. การปิด Order ทันทีบน MT4

การปิดออเดอร์ (Close Order) บน MetaTrader 4 (MT4) สามารถทำได้สองวิธี คือ การปิดออเดอร์แบบปกติ และการใช้ฟีเจอร์ปิดหลายออเดอร์พร้อมกัน

การปิดออเดอร์ทันทีบน MT4 ทำได้ทั้งคลิกขวาที่ออเดอร์แล้วเลือก Close หรือ คลิก x ที่มุมขวาของออเดอร์ที่ต้องการ

1) ปิดออเดอร์แบบปกติ (Manual Close Order)

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยเทรดเดอร์ต้องทำการปิดออเดอร์ด้วยตนเองและจะยืนยันการปิดออเดอร์ทันทีที่ราคาตลาด

ขั้นตอนปิดออเดอร์แบบปกติ

  1. ปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
  2. ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูออเดอร์ที่เปิดอยู่
  3. คลิก x ที่มุมขวาสุดของออเดอร์ หรือ คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการปิด แล้วเลือก Close Order
  4. เมื่อปรากฏหน้าต่างยืนยัน คลิก Close เพื่อปิดออเดอร์ทันที

2) ปิดออเดอร์ทั้งหมดพร้อมกัน

เป็นการล้างออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่ ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์รองรับการใช้งานนี้ แต่สามารถลงสคริปต์ เช่น “Close All Orders” ที่ดาวน์โหลดจาก MQL4 เพื่อปิดทุกออเดอร์ในคลิกเดียว และทำได้ดังนี้

  1. ปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
  2. ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูออเดอร์ที่เปิดอยู่
  3. เลือก ออเดอร์ทั้งหมด แล้วคลิก Close Order เพื่อปิดอเดอร์ทั้งหมดในทันที

5. การดูประวัติการเทรดใน MT4

MetaTrader 4 (MT4) มีฟีเจอร์ให้เทรดเดอร์สามารถดูประวัติการซื้อขายย้อนหลังได้ ซึ่งช่วยให้วิเคราะห์การเทรด ปรับกลยุทธ์ และตรวจสอบผลลัพธ์ของแต่ละออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกดูได้ 3 แบบ คือ

การดูประวัติเทรดใน MT4 ดูได้บนแท็ป Account History แล้วดูประวัติ หรือคลิกขวา Export เพื่อไปวิเคราะห์ประวัติการเทรดต่อ

1) ดูประวัติการเทรดผ่าน Terminal Window

  1. เปิด MT4 และกด Ctrl + T เพื่อเปิด Terminal Window
  2. ไปที่แท็บ Account History (อยู่ข้างแท็บ Trade)
  3. ระบบจะแสดงประวัติการซื้อขายทั้งหมด รวมถึง
  • เวลาเปิด/ปิดออเดอร์
  • ประเภทออเดอร์ (Buy, Sell)
  • ราคาเข้าและออก
  • ขนาดล็อต
  • กำไร/ขาดทุน (Profit/Loss)
  • Swap และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

วิธีนี้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการดูได้ เช่น ดูประวัติการเทรดย้อนหลัง 3 เดือน หรือ ประวัติทั้งหมด ด้วยการปรับช่วงเวลาที่ต้องการดู แต่เนื่องจากพื้นทีที่จำกัด หากต้องการดูออเดอร์จำนวนมากๆ ควรเลือกใช้วิธีอื่น

2) ดูประวัติการเทรดแบบละเอียดผ่าน Statement Report

  1. เปิดแท็บ Account History บน Terminal Window (Ctrl + T)
  2. คลิกขวา เลือก Save as Report หรือ Save as Detailed Report
  3. ระบบจะให้เลือกตำแหน่งบันทึกไฟล์ (เป็น HTML)
  4. เปิดไฟล์ด้วยเบราว์เซอร์ หรือ Import ไปยัง Excel เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่อ

วิธีนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลการเทรดที่ละเอียด พร้อมสำหรับการวิเคราะห์ผลการเทรดต่อไป

3) ใช้ EA หรือ Indicator วิเคราะห์ประวัติการเทรด

หากต้องการดูสถิติการเทรดแบบละเอียด โดยที่ไม่ต้องจัดการข้อมูลเองสามารถเลือกใช้ EA หรือ Indicator ที่ช่วยวิเคราะห์ประวัติการเทรด อย่าง MyFXBook หรือ Trade Report EA เป็นตัวช่วยให้เห็นข้อมูลแบบเจาะลึก เช่น

  • กำไร/ขาดทุนเฉลี่ย ช่วยให้เห็นว่าแต่ละออเดอร์เฉลี่ยแล้วทำกำไรหรือขาดทุนเท่าไร เพื่อใช้ประเมินว่ากลยุทธ์ที่ใช้อยู่คุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่ และนำไปใช้ปรับปรุง Risk-Reward Ratio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด
  • อัตราส่วนความแม่นยำของกลยุทธ์ สามารถนำไปใช้คู่กับ Risk-Reward Ratio เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ทำกำไรได้จริง แม้เปอร์เซ็นต์ชนะจะไม่สูงมาก และสามารถนำไปใช้ปรับแต่งจุดเข้าออกออเดอร์ให้ดีขึ้นได้
  • ข้อมูล Equity Curve ช่วยให้เห็นการเติบโตของพอร์ตว่าสม่ำเสมอหรือไม่ ช่วยให้ปรับการบริหารเงินทุนให้เสถียรได้ในระยะยาว

การตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน MetaTrader 4 ฝึกได้ง่ายๆ ให้เทรดได้แบบไม่พลาด!

การตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน MetaTrader 4 เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้สามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง MetaTrader 4 (MT4) มีฟังก์ชันมากมายที่ช่วยให้เทรดเดอร์จัดการออเดอร์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Market Order, Pending Order, Stop Loss (SL), Take Profit (TP) และ Trailing Stop แนะนำให้ลองฝึกใช้คำสั่งเหล่านี้บน บัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับระบบและกลยุทธ์ของตัวเอง เมื่อลองใช้งานจนมั่นใจแล้วค่อยนำไปใช้จริง ก็จะเพิ่มโอกาสทำกำไร และลดข้อผิดพลาดในการเทรดได้เป็นอย่างดี

อ้างอิง

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *