การเปิด-ปิดออเดอร์เป็นสกิลสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมการเทรดได้อย่างแม่นยำตามแผน ซึ่งหากเทรดเดอร์สามารถจัดการออเดอร์ได้ดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรตามแผนที่วางไว้ MetaTrader 4 (MT4) เป็นแพลตฟอร์มที่ให้คุณเปิด-ปิดออเดอร์ได้หลายรูปแบบ เช่น Market Order, Pending Order, Stop Loss (SL), Take Profit (TP) และ Trailing Stop แต่ละแบบตอบโจทย์การใช้งานต่างกันออกไป บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน Meta Trader 4 เพื่อช่วยให้การเทรดของคุณเป็นไปตามแผนได้ง่ายขึ้น!
1. การเปิดออเดอร์บน MT4 ด้วยคำสั่งพื้นฐาน
MT4 มีรูปแบบออเดอร์หลัก ๆ ที่เทรดเดอร์ต้องเข้าใจเพื่อให้สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำสั่งพื้นฐานในการเปิดออเดอร์สามารถแบ่งออกเป็น Market Order และ Pending Order ซึ่งแต่ละแบบมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
เงื่อนไขที่ต้องระบุเมื่อเปิดออเดอร์
- ประเภทสินค้าที่เทรด
- จำนวนล็อต
- Stop Loss/ Take Profit (เว้นว่างได้)
- ประเภทคำสั่งและราคาซื้อขาย ที่เลือกได้ระหว่าง Market Order และ Pending Order
Figure การเปิดออเดอร์บน MT4 ทำได้ทั้ง Market Order และ Limit Order
1) Market Order (คำสั่งซื้อขายทันทีที่ราคาตลาด)
Market Order คือคำสั่งซื้อขายที่เปิดออเดอร์ทันทีที่ราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อเทรดเดอร์กดยืนยัน คำสั่งจะถูกดำเนินการในทันที และสถานะจะเปิดที่ราคาล่าสุดของตลาด (Market Price) การส่งคำสั่งแบบนี้จะเลือกได้ระหว่าง
- Buy by Market เป็นการเปิดสถานะซื้อ (Long) จะยืนยันที่ราคาเสนอซื้อ (Ask Price) ณ เวลานั้น
- Sell by Market เป็นการเปิดสถานะขาย (Short) จะยืนยันที่ราคาเสนอขาย (Bid Price) ณ เวลานั้น
Market Order เหมาะสำหรับการเปิดคำสั่งซื้อขายทันที โดยไม่สนใจราคาที่จะได้
2) Pending Order (คำสั่งตั้งราคารอเปิดออเดอร์)
Pending Order เป็นคำสั่งซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อราคามาถึงระดับที่ตั้งไว้ ระบบจะเปิดออเดอร์ให้ที่ราคานั้นโดยอัตโนมัติ คำสั่งประเภทนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวางแผนการเข้าเทรดตามราคาที่ต้องการโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แบ่งออกเป็น
การวาง Buy/Sell Limit เพื่อต่อรองราคา และ Buy/Sell Stop เพื่อไล่ราคา บน MT4
2.1 Limit Order (การตั้งราคาแบบต่อรองราคา)
ใช้สำหรับวางออเดอร์ในราคาที่ดีกว่าราคาปัจจุบัน ตั้งได้ 2 แบบคือ
- Buy Limit จะตั้งราคาเสนอซื้อ (Bid Price) ที่ราคาถูกกว่าราคาตลาด จะยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาปรับลดลงมาถึงราคาที่ตั้งไว้ และคาดว่าราคาจะกลับตัวขึ้นต่อ
- Sell Limit จะตั้งราคาเสนอขาย (Ask Price) ที่ราคาแพงกว่าราคาตลาด จะยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาปรับขึ้นไปถึงราคาที่ตั้งไว้ และคาดว่าราคาจะกลับตัวลงต่อ
Limit Order เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเปิดออเดอร์ ณ จุดที่ราคาคาดว่าจะกลับตัว
ตัวอย่างการใช้ Limit Order
- JPY/USD ปัจจุบันราคา 149.97
- เทรดเดอร์ต้องการซื้อที่ 149.50
- วาง Buy Limit ที่ 149.50 ระบบจะเปิดออเดอร์เมื่อราคาลดลงมาถึงจุดนั้น
2.2 Stop Order (คำสั่งซื้อหรือขายเมื่อราคาผ่านระดับที่กำหนด)
ใช้สำหรับวางออเดอร์ในราคาที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีออเดอร์ในขณะที่ราคากำลังเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้ม (Follow Buy/ Sell) โดยตั้ง Stop Order ได้ 2 แบบ คือ
- Buy Stop ใช้ตั้งซื้อเมื่อราคาขึ้นไปถึงระดับที่กำหนด แล้วคาดว่าราคาจะทะลุขึ้นต่อ
- Sell Stop ตั้งขายเมื่อราคาลงไปถึงระดับที่กำหนด แล้วคาดว่าราคาจะทะลุลงต่อ
Stop Order เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการซื้อหรือขายตามแนวโน้ม และยืนยันการเปิดออเดอร์เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านระดับราคาที่กำหนด (Follow Buy/ Sell)
ตัวอย่างการใช้ Stop Order
- JPY/USD ปัจจุบันราคา 149.97
- เทรดเดอร์ต้องการซื้อเมื่อราคาเบรคเอาท์ที่จุด 150.00
- วาง Buy Stop ที่ 150.00 ระบบจะเปิดออเดอร์เมื่อราคาถึงจุดนั้น
3) วิธีเปิดออเดอร์บน MT4
- เปิดหน้าต่าง Order โดยกด F9 หรือ คลิกขวาที่กราฟแล้วเลือก Trading > New Order
- เลือกประเภทคำสั่ง Market Order หรือ Pending Order
- หากเลือก Pending Order ต้องตั้งเงื่อนไขเพิ่มได้แก่
- ประเภทคำสั่ง (Buy Limit, Sell Limit, Buy Stop, Sell Stop)
- ราคาที่ต้องการ
- กำหนด ขนาดล็อต (Volume) ที่ต้องการซื้อหรือขาย
- ตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit ที่ต้องการ (เว้นว่างได้)
- การส่งคำสั่งแบบ Market Order ยืนยันคำสั่งด้วยการคลิก “Buy by Market” หรือ “Sell by Market“, การส่งคำสั่งแบบ Pending Order ยืนยันคำสั่งด้วยการคลิก Place
2. การแก้ไข Pending Order บน MT4
การแก้ไข Pending Order คือการปรับแก้เงื่อนไขกับออเดอร์ที่ตั้งรอไว้และยังไม่ถูกยืนยัน ออเดอร์ประเภทนี้จะปรับแก้ Stop Loss (SL), Take Profit (TP) หรือเปลี่ยนราคาซื้อขายให้เหมาะสมได้
การแก้ไข Pending Order บน MT4 คลิกขวาบนออเดอร์เลือก Modify or Delete Order แล้วแก้ไขค่าที่ต้องการ
1) เงื่อนไขที่แก้ไขได้กับ Pending Order
- ราคาซื้อขาย
- Stop Loss (SL) – เปลี่ยนระดับหยุดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- Take Profit (TP) – ปรับระดับกำไรเป้าหมายที่ต้องการให้ปิดออเดอร์อัตโนมัติ
- Expired Date – วันหมดอายุของออเดอร์ที่ตั้งไว้
- ยืนยันการแก้ไข (Modified) หรือ สั่งลบออเดอร์ (Deleted)
2) วิธีแก้ไข Pending Order
- เปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
- ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูรายการออเดอร์ที่เปิดอยู่
- คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการแก้ไข เลือก Modify or Delete Order
- เลือกรายการที่ต้องการแก้ไข เช่น ราคา, จุด Stop Loss/ Take Profit หรือ วันหมดอายุของออเดอร์
- กด Modify เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลง
- กด Delete Order เพื่อยกเลิกคำสั่ง
3. การแก้ไข Executed Order บน MT4
เมื่อออเดอร์ถูกดำเนินการแล้ว (Executed Order) หรือ เป็นสถานะที่แมทช์ออเดอร์แล้ว (Open Trade) เทรดเดอร์ยังสามารถแก้ไขบางรายการ เพื่อปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงและจัดการออเดอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การแก้ไข Executed Order บน MT4 คลิกขวาบนออเดอร์ที่เปิดสถานะแล้ว เลือก Modify or Delete Order จากนั้นแก้ไขค่าที่ต้องการ
1) เงื่อนไขที่แก้ไขได้กับ Executed Order
- Stop Loss (SL) – เปลี่ยนระดับหยุดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- Take Profit (TP) – ปรับระดับกำไรเป้าหมายที่ต้องการให้ปิดออเดอร์อัตโนมัติ
- Trailing Stop – ตั้งค่าการเลื่อน SL อัตโนมัติเมื่อราคาวิ่งตามแนวทางที่ต้องการ
2) วิธีแก้ไข Executed Order
- เปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
- ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูรายการออเดอร์ที่เปิดอยู่
- คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการแก้ไข เลือก Modify or Delete Order
- ใส่ราคาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงในช่อง
- Take Profit (TP) เป้าหมายกำไรที่เป็นราคาคงที่
- Stop Loss (SL) จุดตัดขาดทุนที่เป็นราคาคงที่ หรือ Trailing Stop ที่แปรผันตาม Market Price
- กด Modify เพื่อยืนยันการแก้ไข
เครื่องมือ | เป้าหมาย | การใช้งาน |
Stop Loss (SL) | จำกัดการขาดทุน | ปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อราคาไม่เป็นไปตามที่คาด |
Trailing Stop | ล็อกกำไรอัตโนมัติ | ปิดออเดอร์อัตโนมัติด้วยราคาที่เลื่อนตามราคาตลาด |
Take Profit (TP) | ปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร | ปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อถึงเป้าหมาย |
4. การปิด Order ทันทีบน MT4
การปิดออเดอร์ (Close Order) บน MetaTrader 4 (MT4) สามารถทำได้สองวิธี คือ การปิดออเดอร์แบบปกติ และการใช้ฟีเจอร์ปิดหลายออเดอร์พร้อมกัน
การปิดออเดอร์ทันทีบน MT4 ทำได้ทั้งคลิกขวาที่ออเดอร์แล้วเลือก Close หรือ คลิก x ที่มุมขวาของออเดอร์ที่ต้องการ
1) ปิดออเดอร์แบบปกติ (Manual Close Order)
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยเทรดเดอร์ต้องทำการปิดออเดอร์ด้วยตนเองและจะยืนยันการปิดออเดอร์ทันทีที่ราคาตลาด
ขั้นตอนปิดออเดอร์แบบปกติ
- ปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
- ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูออเดอร์ที่เปิดอยู่
- คลิก x ที่มุมขวาสุดของออเดอร์ หรือ คลิกขวาที่ออเดอร์ที่ต้องการปิด แล้วเลือก Close Order
- เมื่อปรากฏหน้าต่างยืนยัน คลิก Close เพื่อปิดออเดอร์ทันที
2) ปิดออเดอร์ทั้งหมดพร้อมกัน
เป็นการล้างออเดอร์ทั้งหมดที่เปิดอยู่ ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์รองรับการใช้งานนี้ แต่สามารถลงสคริปต์ เช่น “Close All Orders” ที่ดาวน์โหลดจาก MQL4 เพื่อปิดทุกออเดอร์ในคลิกเดียว และทำได้ดังนี้
- ปิด Terminal Window (กด Ctrl + T)
- ไปที่แท็บ Trade เพื่อดูออเดอร์ที่เปิดอยู่
- เลือก ออเดอร์ทั้งหมด แล้วคลิก Close Order เพื่อปิดอเดอร์ทั้งหมดในทันที
5. การดูประวัติการเทรดใน MT4
MetaTrader 4 (MT4) มีฟีเจอร์ให้เทรดเดอร์สามารถดูประวัติการซื้อขายย้อนหลังได้ ซึ่งช่วยให้วิเคราะห์การเทรด ปรับกลยุทธ์ และตรวจสอบผลลัพธ์ของแต่ละออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกดูได้ 3 แบบ คือ
การดูประวัติเทรดใน MT4 ดูได้บนแท็ป Account History แล้วดูประวัติ หรือคลิกขวา Export เพื่อไปวิเคราะห์ประวัติการเทรดต่อ
1) ดูประวัติการเทรดผ่าน Terminal Window
- เปิด MT4 และกด Ctrl + T เพื่อเปิด Terminal Window
- ไปที่แท็บ Account History (อยู่ข้างแท็บ Trade)
- ระบบจะแสดงประวัติการซื้อขายทั้งหมด รวมถึง
- เวลาเปิด/ปิดออเดอร์
- ประเภทออเดอร์ (Buy, Sell)
- ราคาเข้าและออก
- ขนาดล็อต
- กำไร/ขาดทุน (Profit/Loss)
- Swap และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
วิธีนี้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการดูได้ เช่น ดูประวัติการเทรดย้อนหลัง 3 เดือน หรือ ประวัติทั้งหมด ด้วยการปรับช่วงเวลาที่ต้องการดู แต่เนื่องจากพื้นทีที่จำกัด หากต้องการดูออเดอร์จำนวนมากๆ ควรเลือกใช้วิธีอื่น
2) ดูประวัติการเทรดแบบละเอียดผ่าน Statement Report
- เปิดแท็บ Account History บน Terminal Window (Ctrl + T)
- คลิกขวา เลือก Save as Report หรือ Save as Detailed Report
- ระบบจะให้เลือกตำแหน่งบันทึกไฟล์ (เป็น HTML)
- เปิดไฟล์ด้วยเบราว์เซอร์ หรือ Import ไปยัง Excel เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่อ
วิธีนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลการเทรดที่ละเอียด พร้อมสำหรับการวิเคราะห์ผลการเทรดต่อไป
3) ใช้ EA หรือ Indicator วิเคราะห์ประวัติการเทรด
หากต้องการดูสถิติการเทรดแบบละเอียด โดยที่ไม่ต้องจัดการข้อมูลเองสามารถเลือกใช้ EA หรือ Indicator ที่ช่วยวิเคราะห์ประวัติการเทรด อย่าง MyFXBook หรือ Trade Report EA เป็นตัวช่วยให้เห็นข้อมูลแบบเจาะลึก เช่น
- กำไร/ขาดทุนเฉลี่ย ช่วยให้เห็นว่าแต่ละออเดอร์เฉลี่ยแล้วทำกำไรหรือขาดทุนเท่าไร เพื่อใช้ประเมินว่ากลยุทธ์ที่ใช้อยู่คุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่ และนำไปใช้ปรับปรุง Risk-Reward Ratio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด
- อัตราส่วนความแม่นยำของกลยุทธ์ สามารถนำไปใช้คู่กับ Risk-Reward Ratio เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ทำกำไรได้จริง แม้เปอร์เซ็นต์ชนะจะไม่สูงมาก และสามารถนำไปใช้ปรับแต่งจุดเข้าออกออเดอร์ให้ดีขึ้นได้
- ข้อมูล Equity Curve ช่วยให้เห็นการเติบโตของพอร์ตว่าสม่ำเสมอหรือไม่ ช่วยให้ปรับการบริหารเงินทุนให้เสถียรได้ในระยะยาว
การตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน MetaTrader 4 ฝึกได้ง่ายๆ ให้เทรดได้แบบไม่พลาด!
การตั้งค่าเปิด-ปิดออเดอร์บน MetaTrader 4 เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้สามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง MetaTrader 4 (MT4) มีฟังก์ชันมากมายที่ช่วยให้เทรดเดอร์จัดการออเดอร์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Market Order, Pending Order, Stop Loss (SL), Take Profit (TP) และ Trailing Stop แนะนำให้ลองฝึกใช้คำสั่งเหล่านี้บน บัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับระบบและกลยุทธ์ของตัวเอง เมื่อลองใช้งานจนมั่นใจแล้วค่อยนำไปใช้จริง ก็จะเพิ่มโอกาสทำกำไร และลดข้อผิดพลาดในการเทรดได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง
- MetaTrader 4 Help, https://www.metatrader4.com/en/trading-platform/help/positions/positions_control
- How to open and close trades in MetaTrader 4, https://www.eightcap.com/labs/how-to-open-and-close-trades-in-metatrader-4/
- How to Open and Close a Trade in MT4, https://www.urbanforex.com/blog/how-to-open-and-close-a-trade-in-mt4