รวมวิธีใช้งาน MT4 เบื้องต้นที่จะช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่รู้ว่า Metatrader4 ใช้ทำอะไรได้บ้าง แนะนำทุกเมนูสำคัญที่ต้องใช้ วิธีตั้งค่ากราฟราคา กรอบเวลา และสัญลักษณ์ต่าง ๆ เทรดเดอร์มือใหม่คนไหนที่ยังไม่พร้อมลงทุนจริงแต่อยากลองใช้งาน MT4 ก็เปิดบัญชีทดลองเพื่อเข้ามาทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ก่อนลงทุนจริงได้ด้วย พร้อมเมื่อไหร่ก็เปิดบัญชีจริงแล้วเข้าเทรดกันได้เลย
คุณสมบัติต่าง ๆ ของ MT4
MetaTrader 4 หรือ MT4 คือแพลตฟอร์มการเทรดที่พัฒนาขึ้นมาในปี 2005 โดยบริษัท MetaQuotes ในปัจจุบัน MT4 ได้รับการยกย่องให้เป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่ดีที่สุดในโลก แม้ในปี 2010 จะมีการนำ MT4 มาพัฒนาต่อยอดให้เป็น MT5 แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่า MT4
การใช้งานของ MT4 ก็เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกฟังก์ชันที่เทรดเดอร์ต้องการ สามารถตั้งค่าซื้อขายสินทรัพย์ได้ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ติดตั้ง Expert Advisor เพื่อใช้ในการซื้อขายแบบอัตโนมัติและส่วนเสริมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ใครที่เขียนภาษา MQL4 เป็นก็สามารถออกแบบอัลกอริทึมของ indicator เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นของตัวเองและจดเป็นสิทธิบัตรได้ด้วยเช่นกัน สำหรับคุณสมบัติหลัก ๆ ที่สำคัญของ MT4 จะมีดังนี้
คุณสมบัติของ MT4 จะแบ่งออกมาได้เป็น 4 ด้านหลัก ๆ คือ ด้านการซื้อขายสินทรัพย์ ซึ่ง MT4 จะเหมาะสำหรับการเทรด Forex มากที่สุดเพราะใช้เข้าถึงคู่สกุลเงินต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ซึ่ง MT4 มีอินดิเคเตอร์มากกว่า 30 ตัว มีคำสั่งซื้อมากถึง 6 ประเภท ด้านกราฟและกรอบเวลา ซึ่ง MT4 ก็มีกราฟให้เลือกได้หลายแบบ มีกรอบเวลาตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 1 เดือน ด้านการเขียนโปรแกรม เพราะ MT4 ใช้ภาษาโปรแกรม MQL4 ที่เรียบง่าย สามารถเขียนโค้ดปรับแต่งอินดิเคเตอร์หรือเทมเพลตของตัวเองขึ้นมาได้ รวมถึงยังจดสิทธิบัตรได้อีกด้วย
การซื้อขายสินทรัพย์
MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการเทรด Forex และยังใช้งานได้ง่ายจนแม้แต่เทรดเดอร์มือใหม่ก็ยังใช้ได้ เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็ยังใช้ MT4 เพราะสามารถเข้าถึงคู่สกุลเงินต่าง ๆ เป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว การเปิดออเดอร์ทำซ้อนกันหลายออเดอร์ได้ และยังแยกปิดแค่บางออเดอร์ตามที่ต้องการได้ด้วย
การวิเคราะห์เชิงเทคนิค
MT4 ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค จำนวนอินดิเคเตอร์ของ MT4 จะมีมากกว่า 30 ตัว มีคำสั่งซื้อ 6 ประเภท และยังมีปฏิทินเศรษฐกิจและข่าวสารสำคัญต่าง ๆ ให้ติดตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายของเทรดเดอร์ทุกคนด้วย
กราฟและกรอบเวลา
กราฟบน MT4 มีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบทั้งกราฟเส้น กราฟบาร์ กราฟแท่งเทียน รวมถึงยังมีกรอบเวลาให้เลือกได้ 9 Time frame คือ M1, M5, M15, M30, H1, H4, D1, W1 และ MN ซึ่งระบุเวลาได้ตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 1 เดือน สามารถแสดงผลกราฟราคาพร้อมกันหลายหน้าต่างได้ด้วยระบบ Multi Charting ทำให้อ่านสถานการณ์ได้ง่าย กดเปิดออเดอร์จากบนกราฟได้ทันที
การเขียนโปรแกรม
MT4 ใช้ภาษาโปรแกรม MQL4 (MetaQuotes Language 4) ซึ่งมีความเรียบง่าย เทรดเดอร์คนไหนที่มีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมก็สามารถพัฒนาหรือปรับแต่งเทมเพลตจากของเดิมที่มีเองได้โดยมีเครื่องมือ Smart Port เป็นตัวช่วย เมื่อพัฒนา Algorithm แบบที่ต้องการขึ้นมาแล้วก็ยังจดเป็นสิทธิบัตรของตัวเองได้อีกด้วย
แนะนำเมนูสำคัญของ MT4
เมื่อเปิด MT4 ขึ้นมาแล้วคุณก็จะเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ แสดงขึ้นมาในแถบด้านบน แต่ละสัญลักษณ์ก็จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันไปดังนี้
Create New Chart ใช้ในการเปิดหน้าต่างราคาของคู่เงินแต่ละแบบ Set Profiles ใช้ในการตั้งค่าต่าง ๆ ของกราฟ Market Watch ใช้แสดงกราฟราคาของคู่เงินแต่ละคู่โดยรวม
- สัญลักษณ์ที่ 1 นับจากทางด้านซ้ายคือ Create New Chart ซึ่งจะใช้ในการเปิดหน้าต่างราคาของคู่เงินแต่ละแบบขึ้นมา
- สัญลักษณ์ที่ 2 คือ Set Profiles ใช้ในการตั้งค่าต่าง ๆ ของกราฟ
- สัญลักษณ์ที่ 3 คือ Market Watch ซึ่งจะใช้แสดงกราฟราคาของคู่เงินแต่ละคู่โดยรวม
Data Window ใช้ในการแสดงค่าปรับตั้งต่าง ๆ ที่ใช้ เช่น วันที่, เวลา, วอลุ่ม และอินดิเคเตอร์ Navigator ใช้ในการแสดงข้อมูลบัญชี Terminal ใช้แสดงสถานะการเทรดปัจจุบัน
- สัญลักษณ์ที่ 4 คือ Data Window ซึ่งจะแสดงค่าปรับตั้งของคุณขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นวันที่, เวลา, วอลุ่ม หรืออินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ที่คุณนำมาใช้
- สัญลักษณ์ที่ 5 คือ Navigator ซึ่งจะแสดงข้อมูลบัญชีของคุณ โดยจะมีรายการของ Indicators, Scripts และ Expert Advisors (EA) ที่นำไปใช้ได้
- สัญลักษณ์ที่ 6 คือ Terminal ซึ่งจะแสดงสถานะการเทรดปัจจุบัน
Strategy Testerใช้ในการเปิดหน้าต่างฟังก์ชั่นสำหรับ Backtest EA หรือ Indicator ส่วน New Order ใช้ในการเปิดออเดอร์ซื้อขาย MetaEditor ใช้ในการเขียนหรือปรับแต่งโค้ดของ Indicator ต่าง ๆ
- สัญลักษณ์ที่ 7 คือ Strategy Tester ซึ่งใช้ในการเปิดหน้าต่างฟังก์ชั่นสำหรับ Backtest EA หรือ Indicator
- สัญลักษณ์ที่ 8 คือ New Order ซึ่งใช้ในการเปิดออเดอร์ซื้อขาย
- สัญลักษณ์ที่ 9 คือ MetaEditor ซึ่งใช้ในการเขียนหรือปรับแต่งโค้ดของอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ
Virtual Server คือบริการเซิร์ฟเวอร์เสมือน Community จะใช้ในการซื้อขาย Robot Trade หรือ Copy Trade จากสัญญาณ Signal ที่มีเทรดเดอร์คนอื่นปล่อยเอาไว้ Auto Trading ใช้ในการเปิด Expert Advisors เพื่อเทรดแบบอัตโนมัติ
- สัญลักษณ์ที่ 10 คือ Virtual Server ซึ่งเป็นบริการเซิร์ฟเวอร์เสมือนที่จำลองมาจากเซิร์ฟเวอร์จริง
- สัญลักษณ์ที่ 11 คือ Community ซึ่งใช้ในการซื้อขาย Robot Trade หรือ Copy Trade จากสัญญาณ Signal ที่มีเทรดเดอร์คนอื่นปล่อยเอาไว้ รวมถึงสามารถเป็นผู้ปล่อยสัญญาณเองได้เช่นกัน
- สัญลักษณ์ที่ 12 คือ Auto Trading ซึ่งใช้ในการเปิด Expert Advisors สำหรับการเทรดอัตโนมัติให้ทำงาน ถ้าเปิดใช้งานอยู่สัญลักษณ์นี้จะเป็นสีเขียว แต่ถ้าปิดอยู่ก็จะเป็นสีแดง
สัญลักษณ์ที่ 13 14 และ 15 จะเป็นรูปแบบของกราฟราคาทั้งหมด ซึ่งจะมีกราฟบาร์ กราฟแท่งเทียน และกราฟเส้น
- สัญลักษณ์ที่ 13 14 และ 15 คือรูปแบบกราฟราคา ซึ่งจะมี 3 แบบเรียงจากทางด้านซ้ายคือกราฟบาร์ (Bar Charts) กราฟแท่งเทียน (Candlesticks) และกราฟเส้น (Line Charts)
Zoom In & Zoom Out ใช้ย่อและขยายขนาดองค์ประกอบในกราฟ สัญลักษณ์ที่ 18 จะเป็นการปรับให้แสดงหน้าต่างกราฟทั้งหมดขึ้นมาพร้อมกัน Auto Scroll ใช้ปรับให้กราฟแสดงราคาล่าสุดตลอดเวลา
- สัญลักษณ์ที่ 16 และ 17 จะเป็น Zoom In กับ Zoom Out ซึ่งใช้ในการย่อและขยายขนาดองค์ประกอบในกราฟ
- สัญลักษณ์ที่ 18 คือการปรับให้แสดงหน้าต่างกราฟทั้งหมดขึ้นมาพร้อมกัน โดย MT4 จะกำหนดขนาดทุกกราฟให้เท่ากันโดยอัตโนมัติ
- สัญลักษณ์ที่ 19 คือ Auto Scroll ซึ่งใช้ในการปรับให้กราฟแสดงราคาล่าสุดตลอดเวลา เส้นกราฟจะเลื่อนมาที่ราคาปัจจุบันโดยอัตโนมัติ ถ้าต้องการเลื่อนดูราคาย้อนหลังจะต้องกดปุ่มนี้อีกครั้งให้ปิดการทำงานก่อนจึงจะย้อนกราฟได้
Shift End ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างทางด้านขวาของกราฟ Indicators List ใช้ในการนำ Indicators มาใส่บนกราฟ Periods ใช้ในการเปลี่ยน Time Frame และ Templates ใช้ในการตั้งค่าเทมเพลตของกราฟ
- สัญลักษณ์ที่ 20 คือ Shift End ซึ่งใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างทางด้านขวาของกราฟ ใช้ในกรณีที่ต้องการตีเส้นลากไปด้านหน้าเพื่อวิเคราะห์กราฟราคา
- สัญลักษณ์ที่ 21 คือ Indicators List ซึ่งใช้ในการนำ Indicators มาใส่ลงบนกราฟ
- สัญลักษณ์ที่ 22 คือ Periods ซึ่งใช้ในการเปลี่ยน Time Frame หรือกรอบเวลาบนกราฟ
- สัญลักษณ์ที่ 23 คือ Templates ซึ่งใช้ในการตั้งค่าเทมเพลตของกราฟ โดยสามารถเซฟเทมเพลตที่ตั้งค่าไว้ใช้กับกราฟใหม่ที่เปิดขึ้นมาได้ และยังกดลบเทมเพลตที่ไม่ต้องการแล้วออกได้เช่นกัน
ถัดมาทางด้านล่างจะเป็นส่วนของการปรับแต่งลูกศรและวาดเส้นต่าง ๆ โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
สัญลักษณ์ Cursor กับ Crosshair จะเป็นการแสดงรูปสัญลักษณ์ของเม้าส์ โดย Cursor จะเป็นลูกศรแบบปกติ ส่วน Crosshair จะเป็นเส้นตามแนวแกน X และ แกน Y
- สัญลักษณ์ Cursor คือการแสดงรูปสัญลักษณ์ของเม้าส์ที่อยู่บน MT4 ให้เป็นรูปลูกศร
- สัญลักษณ์ Crosshair คือการแสดงรูปสัญลักษณ์ของเม้าส์ที่อยู่บน MT4 ให้เป็นเส้นตามแนวแกน X และ แกน Y
สัญลักษณ์ Draw Line ใช้วาดเส้นลงบนกราฟ สัญลักษณ์ Draw Channel ใช้วาดเส้นตรงคู่ขนาน สัญลักษณ์ Draw Fibonacci Retracement ใช้วาดเส้นตามสูตร Fibonacci
- สัญลักษณ์ Draw Line ใช้ในการวาดเส้นลงบนกราฟ
- สัญลักษณ์ Draw Channel ใช้ในการวาดเส้นตรงคู่ขนานลงบนกราฟ
- สัญลักษณ์ Draw Fibonacci Retracement ใช้ในการวาดเส้นตามสูตร Fibonacci ลงบนกราฟ
สัญลักษณ์ Draw Text และ Draw Text Label ใช้ในการสร้างตัวอักษร สัญลักษณ์ Arrows ใช้ในการสร้างสัญลักษณ์ต่าง ๆ สัญลักษณ์ Time Frame ใช้ในการแสดงกรอบราคาซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 1 เดือน
- สัญลักษณ์ Draw Text และ Draw Text Label ใช้ในการสร้างตัวอักษรลงบนกราฟ
- สัญลักษณ์ Arrows ใช้ในการสร้างสัญลักษณ์ต่าง ๆ ลงบนกราฟ
- สัญลักษณ์ Time Frame ใช้ในการแสดงกรอบราคาโดยจะเลือกได้ตั้งแต่ 1 นาทีไปจนถึง 1 เดือน
วิธีตั้งค่ากราฟบน MT4
สิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับวิธีใช้งาน MT4 เบื้องต้นก็คือการตั้งค่ากราฟและกรอบเวลา เพราะการจะมองภาพตลาด วิเคราะห์ราคา หรือจะตั้งค่าซื้อขายอะไรก็ต้องมองที่กราฟทั้งนั้น แน่นอนว่าจะใช้ค่า default หรือค่าเริ่มต้นที่ MT4 เตรียมเอาไว้ก็ได้ แต่ถ้าอยากปรับแต่งให้มองง่ายขึ้นก็ทำได้เช่นกัน
เริ่มต้นจากการเลือกรูปแบบกราฟ ซึ่ง MT4 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบคือกราฟเส้น (Line chart), กราฟแท่ง (Bar chart) และกราฟแท่งเทียน (Candlestick chart) ซึ่งสามารถเลือกได้จากแถบเมนูทางด้านบน
ลักษณะของกราฟเส้นจะเป็นเส้นลากเชื่อมต่อกันระหว่างราคาปิดของแต่ละกรอบเวลา กราฟบาร์จะเป็นแท่งบอกราคาในกรอบเวลาต่าง ๆ ส่วนกราฟแท่งเทียนก็จะคล้ายกับกราฟบาร์ แต่จะมีลักษณะที่ต่างกันโดยจะแยกออกมาเป็นตัวเทียนกับไส้เทียน
– กราฟเส้น (Line chart) จะเป็นเส้นลากเชื่อมต่อกันระหว่างราคาปิดของกรอบเวลา (Time Frame) ต่าง ๆ มีจุดเด่นตรงที่ใช้จับแนวทางของราคาตลาดได้ง่าย
– กราฟบาร์ (Bar chart) หรือกราฟแท่งธรรมดา จะมีลักษณะเป็นแท่งบอกลำดับราคาในกรอบเวลาต่าง ๆ โดยมีวิธีดูดังนี้
– ขีดที่ยื่นมาทางซ้ายจะบอกราคาเปิด
– ขีดที่ยื่นมาทางขวาจะบอกราคาปิด
– ด้านบนสุดของแท่งบอกราคา High
– ด้านล่างสุดของแท่งบอกราคา Low
– แท่งที่เป็นสีเขียวจะเป็นฝั่ง Buy ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้น
– แท่งที่เป็นสีแดงจะเป็นฝั่ง Sell ซึ่งเป็นสัญญาณขาลง
จุดเด่นของกราฟบาร์จึงเป็นการมองภาพรวมได้ง่ายว่าในช่วงนั้นตลาดกำลังอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง
– กราฟแท่งเทียน (Candlestick chart) จะมีลักษณะที่คล้ายกราฟบาร์ แต่จะต่างกันตรงที่กราฟแท่งเทียนจะแบ่งออกมาเป็น 2 ส่วนคือตัวเทียน (Body) ซึ่งเป็นส่วนหนาของแท่ง และเส้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาทางด้านบนและด้านล่างจะเรียกว่าไส้เทียน (Shadow) วิธีอ่านจะต้องดูจากสีของแท่งเทียนเป็นหลัก
– แท่งเทียนสีเขียวคือสัญญาณขาขึ้นหรือฝั่ง Buy ที่มีราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
– ด้านล่างของตัวเทียนจะเป็นราคาเปิด
– ด้านบนของตัวเทียนจะเป็นราคาปิด
– แท่งเทียนสีแดงคือสัญญาณขาลงหรือฝั่ง Sell มีราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
– ด้านล่างของตัวเทียนจะเป็นราคาปิด
– ด้านบนของตัวเทียนจะเป็นราคาเปิด
ส่วนไส้เทียนของกราฟทั้งสองสีจะมีความหมายเหมือนกัน
– ด้านล่างของไส้เทียนจะเป็นราคาสูงสุด
– ด้านบนของไส้เทียนจะเป็นราคาต่ำสุด
กราฟเส้นจะบอกแค่ราคาปิดของแต่ละกรอบเวลา กราฟบาร์จะบอกทั้งราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด โดยขีดที่ยื่นมาทางซ้ายคือราคาเปิด ขีดทางขวาคือราคาปิด เส้นบนคือราคาสูงสุด เส้นล่างคือราคาต่ำสุด ส่วนกราฟแท่งเทียนจะแบ่งเป็นตัวเทียนกับไส้เทียน ตัวเทียนจะบอกราคาเปิดและราคาปิด เส้นบนคือราคาสูงสุด เส้นล่างคือราคาต่ำสุด
สำหรับสีของเส้นหรือแท่งภายในกราฟก็เปลี่ยนได้ตามใจชอบ โดยทั่วไปแล้วเทรดเดอร์มักจะใช้พื้นหลังเป็นสีดำเพราะช่วยให้มองแท่งกราฟได้ง่าย วิธีเปลี่ยนสีให้คลิกขวาที่กราฟแล้วเลือกที่ Properties หรือใช้คีย์ลัดด้วยการกดปุ่ม F8 บนคีย์บอร์ด จากนั้นหน้าต่างตัวเลือกในการปรับแต่งสีก็จะปรากฏขึ้นมา
วิธีเปลี่ยนสีกราฟให้คลิกขวาบนกราฟ > เลือกที่ Properties จากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่เปิดขึ้นมาให้เลือกสีที่ต้องการได้เลย
เมื่อทำการปรับแต่งได้ตามที่ต้องการแล้ว MT4 ยังสามารถบันทึกเทมเพลตหรือการปรับแต่งต่าง ๆ นี้ได้ด้วย เมื่อเปิดกราฟใหม่ก็แค่ดาวน์โหลดเทมเพลตเก่าขึ้นมาก็จะไม่ต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้ง วิธีการคือให้คลิกขวาที่กราฟแล้วเลือกที่ Templates
การเลือกกรอบเวลา (Timeframe)
กรอบเวลาหรือ Time Frame ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้อ่านกราฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย MT4 จะมีกรอบเวลาให้เลือกได้หลายระดับตั้งแต่
– M1 = 1 นาที
– M5 = 5 นาที
– M15 = 15 นาที
– M30 = 30 นาที
– H1 = 1 ชั่วโมง
– H4 = 4 ชั่วโมง
– D1 = 1 วัน
– W1 = 1 สัปดาห์
– MN = 1 เดือน
ภายใน 1 Time Frame ที่เลือกเอาไว้จะมีบอกทั้งราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเลือกเป็น H1 หรือ 1 ชั่วโมง ก็จะแสดงแท่งกราฟ 1 แท่งต่อ 1 ชั่วโมง เมื่อถึงชั่วโมงถัดไปก็จะเริ่มกราฟแท่งใหม่ เป็นต้น การจะเลือก Time Frame แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดเป็นหลัก เช่น
– เทรดเดอร์แบบ Swing trade หรือ Positional trading เหมาะสำหรับ Time Frame แบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน
– เทรดเดอร์แบบ Day Trading เหมาะสำหรับ Time Frame แบบ 15 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง
– เทรดเดอร์แบบ Scalping เหมาะสำหรับ Time Frame แบบ 1 นาทีไปจนถึง 15 นาที
การเปิดบัญชีทดลองและบัญชีจริงของ MT4
การเปิดบัญชีเทรดของ MT4 ก็ทำได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจากการดาวน์โหลดและติดตั้ง MetaTrader 4 ลงบนคอมพิวเตอร์ของคุณก่อน เมื่อเปิด MT4 ขึ้นมาแล้วให้คลิกที่ File ตรงแถบเมนูด้านบน จากนั้นเลือกที่ Open An Account หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่ปรากฎขึ้นมาให้เลือกโบรกเกอร์ที่ต้องการ ตรงนี้จะ Search จากชื่อโบรกเกอร์ที่ลงทะเบียนกับ MT4 เอาไว้อย่างถูกต้องเลยก็ได้ หรือไม่ก็ให้คลิกที่ Next
เมื่อคลิกที่ปุ่ม Next มาแล้วก็จะมีตัวเลือกขึ้นมา 3 แบบ
1. เปิดบัญชีทดลอง
2. เปิดบัญชีจริง
3. ล็อกอินด้วยบัญชีที่มีอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นบัญชีทดลองหรือบัญชีจริงก็จะต้องกรอกข้อมูลลงทะเบียนจึงจะเริ่มต้นใช้งานได้ บัญชีทดลองจะมีข้อดีตรงที่สามารถใช้เพื่อทดสอบฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ ของ MT4 ก่อนได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียค่าใช้จ่าย ใช้ในการทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ ด้วยเงินเสมือนจริงจากระบบทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดบัญชี MT4 ก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก แค่คลิกที่ File ตรงแถบเมนู > เลือก Open An Account > คลิกที่ Next > เลือกประเภทบัญชี โดยจะมีให้เลือก 3 แบบคือบัญชีทดลอง บัญชีจริง และการล็อกอินด้วยบัญชีที่มีอยู่แล้ว
เมื่อพร้อมที่จะลงทุนกันจริง ๆ เมื่อไหร่ก็ค่อยสมัครกับโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เพราะ MT4 เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ใช้ในการเทรด ส่วนเงินลงทุนที่ฝากเข้ามาจะต้องเชื่อมกับโบรกเกอร์โดยตรง ดังนั้นจึงต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยอาจจะเลือกจากโบรกเกอร์ที่เปิดมานานและได้รับความนิยมสูงหรือโบรกเกอร์ที่เป็นพาร์ทเนอร์อย่างถูกกฎหมายของ MT4 ก็ได้
บทสรุป : วิธีใช้งาน MT4 เบื้องต้นบน PC แนะนำเมนูสำคัญที่ต้องใช้
วิธีใช้งาน MT4 เบื้องต้นบน PC ที่เราได้แนะนำไปเป็นการสอนใช้งานปุ่มต่าง ๆ ที่เป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานเท่านั้น แต่พื้นฐานเหล่านี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรต้องรู้เอาไว้เพราะทุกฟังก์ชั่นล้วนมีประโยชน์สำหรับการเทรด ถ้ามีพื้นฐานที่ดีก็จะใช้ MT4 ได้คล่องและรู้วิธีใช้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้การรู้พื้นฐานจะไม่ได้ทำให้กลายเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพทันที แต่ก่อนจะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้ก็จะต้องรู้จักพื้นฐานการใช้งานแพลตฟอร์มทั้งหมดก่อนเช่นกัน
References
– Broker Forex Review, เมนูหลักๆ ของ MT4 (Part1), https://brokerforexreview.com/บทความ-ความรู้พื้นฐาน-forex/เมนูหลักๆ-ของ-mt4/
– Broker Forex Review, เมนูหลักๆ ของ MT4 (Part2), https://brokerforexreview.com/บทความ-ความรู้พื้นฐาน-forex/เมนูหลักๆ-ของ-mt4-part2/
– Liberator, Time Frame คืออะไร ? และวิธีในการเลือกให้เหมาะสมกับเรา, https://www.liberator.co.th/article/view/what-is-timeframe
– TopRatedForexBrokers, การตั้งค่ากราฟเทรดใน MetaTrader 4, https://www.topratedforexbrokers.com/th/การเรยนร-และ-คมอ/ตง-คา-กราฟ-mt4/
– Jana Kane/LiteFinance , MetaTrader ( MT4 ) คืออะไร? เรียนรู้วิธีใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ Metatrader 4 นี้ในการซื้อขาย, https://www.litefinance.org/th/blog/for-beginners/metatrader-khux-xari/
– Mtrading, วิธีอ่านกราฟ Forex เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาแบบง่ายๆ, https://mtrading.com/th/education/articles/forex-basics/how-to-read-forex-charts-th